ครู-ผู้ปกครอง ลุกฮือ เผาพริก-เผาเกลือ ต่อหน้าศาลหลักเมือง วิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลใจให้สมาชิกรัฐสภาไม่ผ่านร่างกฎหมาย พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับใหม่
เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหน้าศาลหลักเมืองจังหวัดศรีสะเกษ นายสุนทร กุมรีจิตร ประธานชมรมครูประถมศึกษาจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมสมาชิก เครือข่าย กรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง นักเรียนและประชาชนชาวจังหวัดศรีสะเกษ ได้รวมตัวกันจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ คัดค้าน พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับใหม่ ที่กำลังจะมีการนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภา ในวันพรุ่งนี้ (วันที่ 17 ก.พ. 66) ผ่านสภาผู้แทนราษฎร์ เพื่อขออนุมัติ และจัดทำ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับใหม่นี้ ซึ่งทางชมรมครูประถมศึกษาจังหวัดศรีสะเกษ และเครือข่าย ผู้ปกครอง กรรมการสถานศึกษา รวมถึงชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.ฉบับใหม่นี้ จึงได้จัดกิจกรรมการคัดค้าน โดยมีการจุดธูปขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ศาลหลักเมืองศรีสะเกษ พร้อมกับทำพิธีเผาพริก เผาเกลือ ตามความเชื่อของคนโบราณ เพื่อขอไม่ให้ พ.ร.บ ฉบับนี้ผ่านการอนุมัติของสภาฯ
นายสุนทร กล่าวว่า ที่เรามาคัดค้าน พ.ร.บ.ฉบับนี้เพราะเห็นว่ามีหลายจุดที่ไม่เห็นถึงความสำคัญของครูผู้สอน ไม่ได้คำนึงถึงหัวอกของพ่อกับแม่ ที่อยากให้ลูกได้รับการศึกษาสูงที่สุด และได้เรียนกับครูที่เก่งที่สุด และดีที่สุด ซึ่ง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับใหม่นี้ กลับจะให้ใครก็ได้มาเป็นครูสอนได้ แล้วยังจะยุบโรงเรียนขนาดเล็กของบ้านเราอีกด้วย ทำให้เด็กๆของเราจะต้องเดินทางไปเรียนที่บ้านไกล ทำให้เด็กนักเรียนต้องมายากลำบากกับการเดินทางอีก เวลาเดินทางเด็กๆก็ต้องเสี่ยงภัยอันตรายสารพัดเพิ่มขึ้นอีก ไม่รู้จะรอดปากเหยี่ยวปากกาไปอีกสักกี่วัน นอกจากนี้ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับนี้ ยังจะทำให้ครูที่มีอยู่ในตอนนี้ทั่วประเทศไทย หายไปภายใน 3 ปี เพราะ พ.ร.บ.ฉบับนี้ออกมาว่าใครก็ได้สามารถมาสอน หรือ มาเป็นครู ได้ โดยไม่ต้องผ่านหรือเรียนหลักสูตรการเรียนการสอน หรือไม่ต้องมีใบประกอบวิชาชีพครู ก็มาเป็นครูได้
ดังนั้นพวกเราจึงมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เพื่อขอวิงวอนให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดลจิตดลใจให้สมาชิกรัฐสภาได้หยุดพิจารณากฎหมาย พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับใหม่นี้ ไม่ให้ผ่านสภาฯ แล้วยกร่างใหม่ ด้วยการหาข้อมูล สอบถามกับคนในพื้นที่ หรือ ให้คนที่มีความรู้ความสามารถ เข้าไปช่วยร่าง พ.ร.บ.การศึกษา ถึงจะได้ประโยชน์กับประชาชนอย่างทั่วถึง และแท้จริง.
ทีมข่าว จ.ศรีสะเกษ // รายงาน
